ในปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น อาหารคลีน ถือว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งมีสารอาหารที่ตรงตามความต้องการของร่างกาย และไม่มีส่วนผสมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
เช่น ไขมันทรานส์หรือไขมันอิ่มตัว น้ำตาล ซอสปรุงรส สารเติมแต่ง ยาฆ่าแมลง และแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ยังรวมถึงการบริโภคอาหารจากวัตถุดิบที่สดใหม่และมีคุณภาพ ปรุงโดยวัตถุดิบที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด
ตัวอย่างเมนูอาหารคลีน เช่น ยำปลาดิบ, ปลาย่าง, ข้าวกล้องปลาแซลมอนย่าง, ผัดผักบุ้งไฟแดง, ผัดไทไก่ เป็นต้น
อาหารคลีนควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
ใช้วัตถุดิบที่สดและมีคุณภาพ
ไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งหรือใช้สารเคมี
ใช้เครื่องปรุงรสจากธรรมชาติแทน
เช่น มะนาว หรือน้ำมันมะกอก เป็นต้น
ปรุงอาหารด้วยวิธีที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
และไม่ทำลายสารอาหาร เช่น ใช้การนึ่ง, ต้ม, ย่าง แทนการทอด
ไม่เพียงแต่การเลือกสรรวัตถุดิบแต่ยังเกี่ยวกับปริมาณที่บริโภค
ควรทานอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่มากหรือน้อยเกินไป ปรับให้เหมาะสมกับการเผาผลาญพลังงานของแต่ละวัน
ควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย
ทั้งผัก ผลไม้ โปรตีน และแป้ง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน
อาหารคลีนเหมาะกับใคร ?
“อาหารคลีนเหมาะกับทุกคนที่ต้องการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง” โดยเฉพาะ
ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
ช่วยให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็น รวมถึงปริมาณแคลอรีที่เหมาะสม ซึ่งช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
ผู้ที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อ
อาหารคลีนมักจะมีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ
ช่วยให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนในปริมาณที่เหมาะสม ส่งผลให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง
เช่น โรคเบาหวาน, หัวใจ, ความดันโลหิตสูง อาจปรับเปลี่ยนไปทานอาหารคลีนเพื่อช่วยควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
สรุป
ในการทานอาหารคลีน เริ่มต้นจากการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และให้ความสำคัญกับปริมาณ รวมถึงความสมดุลในการบริโภค ความหลากหลายของอาหารยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ลดการบริโภคอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งหรือใส่สารเคมี
หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนเริ่มต้นทานอาหารคลีน อีกสิ่งหนึ่งคือควรทำควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานและการเผาผลาญแคลอรีอย่างเหมาะสม