สุขภาพผู้หญิงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ควรให้ความสำคัญ การดูแลและตรวจเช็คสุขภาพอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกได้ในระยะต้น การทราบถึงสาเหตุยังช่วยให้เราหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคนี้ได้ ฉะนั้น มาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น ในบทความต่อไปนี้!
สาเหตุ
- ติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคมะเร็งปากมดลูก
- การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย หรือการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น โรคหนองในเทียม (Chlamydia)
- ใช้ยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
- ปัจจัยทางพันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ที่ติดเชื้อ HIV
การตรวจ
- การตรวจ Pap smear เป็นการตรวจวิเคราะห์เซลล์จากปากมดลูก โดยเก็บเซลล์แล้วส่งไปตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการ
- การตรวจ HPV DNA test เป็นการตรวจวิเคราะห์ DNA ของเชื้อ HPV จากตัวอย่างเซลล์ปากมดลูก
- หากมีการพบเซลล์ผิดปกติจากการตรวจ Pap smear แพทย์อาจจะใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า colposcope ช่วยให้มองเห็นภาพขยายของผิวบริเวณปากมดลูก เพื่อตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติ
- หากพบบริเวณที่มีเซลล์ผิดปกติ แพทย์อาจจะตัดเนื้อเล็กน้อยจากบริเวณนั้น แล้วส่งไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งหรือไม่
- การตรวจด้วยการอัลตราซาวน์ ในกรณีที่แพทย์ต้องการดูภายในมดลูกหรือต้องการตรวจสอบขนาดและการกระจายของโรค
การรักษา
- การผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกหรือมะเร็งออกหากยังไม่ได้กระจายมาก เป็นวิธีการที่พบเห็นบ่อยที่สุด
- ใช้รังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง หรือยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็ง อาจใช้ร่วมกับการผ่าตัด
- เคมีบำบัด มักใช้ร่วมกับการผ่าตัดหรือรังสีรักษา
- รักษาโดยการใช้ยา เช่น คีโมเธอราปี
- เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
- การปรึกษาสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว เนื่องจากโรคมะเร็งสามารถส่งผลต่อสุขภาพจิตและความรู้สึก
การป้องกัน
- ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ควรเริ่มต้นในวัยรุ่นก่อนที่จะเริ่มมีการมีเพศสัมพันธ์
- การตรวจเซลล์ปากมดลูก ซึ่งหากพบเซลล์ผิดปกติจะสามารถรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดเป็นมะเร็งได้ แนะนำให้ผู้หญิงอายุ 21 ปีขึ้นไปเริ่มตรวจ Pap smear ปีละครั้ง และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความถี่ในการตรวจครั้งต่อไป
- ป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- มีการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเช็คความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับระบบสืบพันธุ์
- การรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรค รวมทั้งการรับรู้ถึงความเสี่ยง จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีการป้องกันที่เหมาะสม
สรุปสุดท้าย
ในอดีตนั้นโรคมะเร็งปากมดลูกอาจยากที่จะรักษา แต่ในปัจจุบัน ด้วยการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ การตรวจคัดกรองและการป้องกันโรคกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญ การรู้และเข้าใจถึงสาเหตุ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้จะช่วยให้ผู้หญิงสามารถป้องกันและดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ