SEO คืออะไร?
Search Engine Optimize เป็นการทำเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ และรองรับการติดอันดับบน Google ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการออกแบบ และเนื้อหาบนเว็บไซต์ การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน กูเกิล (Google) จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคนเข้ามาชมเยอะขึ้น และมีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นค่ะ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำ Search Engine Optimize
สำหรับผู้ประกอบการหลายๆ ท่านที่พึ่งเริ่มทำธุรกิจในระยะเริ่มต้น อาจไม่ได้มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการจ้างเอเจนซี่ SEO เพื่อมาดูแล แต่จะเลือกไปเรียนรู้เพื่อเอามาทำเองมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ การเรียน การสอน SEO ได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งในการทำ SEO มีปัจจัยสำคัญหลายๆ อย่างดังนี้
1.จัดทำ Keyword Research
การทำ Keyword Research คือการสืบค้นว่ากลุ่มเป้าหมายของเราใช้คำหลัก (Keyword) อะไรในการค้นหา และคำเหล่านั้นมีปริมาณการค้นหา (Search Volume) เป็นจำนวนเท่าไร เพื่อจะได้นำมาวางแผนสร้างคอนเทนต์ที่ลูกค้าจะค้นเจอในหน้า Google ได้มากที่สุด
เลือกเครื่องมือวิจัยคีย์เวิร์ด: ใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner, SEMrush, หรือ Ahrefs เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ และมีปริมาณการค้นหาสูง แต่การแข่งขันไม่สูงมาก
2.ปรับแต่งหน้าเว็บ (On-Page SEO)
ปรับแต่งแท็ก Title และ Meta Description ให้แน่ใจว่าแต่ละหน้าเว็บมีแท็ก title และ meta description ที่มีคำหลักและอธิบายเนื้อหาของหน้านั้นอย่างชัดเจน
ใช้แท็กหัวข้อ 1, 2, H3, ฯลฯ): จัดระเบียบเนื้อหาในหน้าเว็บโดยใช้แท็กหัวข้อเพื่อช่วยให้ กูเกิล และผู้ใช้เข้าใจโครงสร้างของหน้า
เพิ่มการใช้คำหลักหรือคีย์เวิร์ดในเนื้อหา: ใส่คีย์เวิร์ดที่คุณได้มาอย่างเหมาะสมในเนื้อหา แต่ควรใช้ในรูปแบบที่ธรรมชาติและไม่ซ้ำจนเกินไป
3.ปรับแต่ง Technical SEO
การทำ Technical SEO คือ การปรับแต่ง SEO ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเทคนิคเป็นส่วนใหญ่ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่บอตของ Google ให้รวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีหน้าเพจทั้งหมดบนเว็บไซต์ได้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ในแง่ของโครงสร้างและประสิทธิภาพการทำงาน
ตรวจสอบการเข้าถึงของเครื่องมือค้นหา ใช้ไฟล์ robots.txt และแท็ก meta robots เพื่อควบคุมการเข้าถึงของเครื่องมือค้นหา
เพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ ใช้เครื่องมืออย่าง Google PageSpeed Insights เพื่อหาและแก้ไขปัญหาที่ทำให้หน้าเว็บโหลดช้า
ควรทำเว็บไซต์ให้รองรับในการใช้งานกับมือถือด้วย เพราะคนส่วนใหญ่ใช้มือถือบ่อยกว่าคอม หรือโน๊ตบุ๊ค
4.ทำ Backlink จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ (Off-Page SEO)
เนื่องจาก ความน่าเชื่อถือ เป็นเกณฑ์หนึ่งที่ Google ใช้พิจารณาการจัดอันดับเว็บฯ สิ่งนี้จึงเป็นเหตุผลที่การทำ Backlink เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการไต่อันดับเช่นกัน
Backlink คือ การที่เว็บไซต์อื่นลิงค์กลับมาหาเว็บไซต์ของเรา ซึ่ง Google จะใช้การทำ Backlink เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดว่าเว็บไซต์ของเรามีคนพูดถึงและมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน เพราะหากมีคนพูดถึงเรามาก ก็หมายความว่าเว็บไซต์ของเรามีคอนเทนต์ที่ดี และตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ ทำให้มีโอกาสติดอันดับ SEO ได้ง่ายขึ้น
5.วิเคราะห์และปรับปรุง
ติดตามผลการปรับแต่งเว็บ หรือเนื้อหาในเว็บ อาจใช้ Google Analytics และ Google Search Console เพื่อติดตามผลการทำ SEO ว่ามีผลต่อการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณอย่างไรบ้าง เพื่อนำมาปรับปรุงแผนการตลาดของคุณตามข้อมูลที่ได้รับมา
บทสรุป
การทำ SEO เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญ ที่ใช้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำผ่านการทำคอนเทนต์ การทำเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสงสัยหรือต้องการข้อมูล ปัจจุบันหลายๆ บริษัทมีการเทรน หรือสอน SEO ให้กับพนักงาน เพื่อใช้ทำเว็บไซต์ ซึ่ง SEO เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ เพราะประโยชน์ของ SEO ช่วยทำให้ลูกค้าเข้าใจโปรดักต์ และบริการของธุรกิจได้มากขึ้น เป็นการเข้าถึงลูกค้าแบบ Inbound Marketing การทำการตลาดแบบดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาหาเราเอง เข้าไปจับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการสร้างคอนเทนต์ หรือการแชร์คอนเทนต์ที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายสนใจ ตรงกับพฤติกรรมของผู้คนที่มักจะเสิร์ชหาสิ่งที่ต้องการก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ การทำ SEO ยังให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน สามารถนำลูกค้ามาให้ธุรกิจได้เรื่อยๆ และใช้งบการตลาดน้อยกว่าการทำการตลาดแบบดั้งเดิม