โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นโรคที่ทำให้มีคนเสียชีวิตเป็นอันดับต้น ๆ ในไทย ยิ่งในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีมากมายที่เข้ามาอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันก็ยิ่งทำให้สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนก็เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ เราเริ่มทำงานประจำอยู่กับที่มากขึ้น ไม่ค่อยลุกไปไหน เคลื่อนไหวหรือออกแรงกันน้อยลง นำมาซึ่งความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบดังนี้
สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
กรรมพันธุ์ : หากคนในครอบครัวสายตรง เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือด เราเองก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเช่นกัน
อายุ : ความเสี่ยงเรื่องสุขภาพมักมากตามอายุ เพราะร่างกายของเราเสื่อมสภาพตามอายุที่เพิ่มขึ้น
เพศ : เพศชาย เป็นเพศที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดมากกว่าเพศหญิง เนื่องด้วยปัจจัยเสี่ยงที่มากับการใช้ชีวิตประจำวัน
การสูบบุหรี่ : สารในบุหรี่นั้นเป็นตัวเร่งให้เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดเสื่อมเร็วขึ้น
บริโภคอาหารที่มีไขมัน : อาหารที่มีไขมันสูงนั้นจะมี LDL สูงซึ่งเป็นตัวชี้วัดปริมาณไขมันในหลอดเลือดว่าสูงมากแค่ไหน
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบสามารถจำแนกตามประเภทของการตีบและสาเหตุได้ดังนี้
-
หลอดเลือดหัวใจตีบจากโรคหลอดเลือดแดงเสื่อม (Atherosclerosis)
การตีบที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมัน คอเลสเตอรอล แคลเซียม และสารอื่นๆ ในผนังหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดแข็งและแคบลง ซึ่งอาจนำไปสู่การอุดตันหลอดเลือดหรือการแตกของแผ่นไขมันที่ทำให้เกิดลิ่มเลือด
-
หลอดเลือดหัวใจตีบจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดเลือด (Vasospasm)
หลอดเลือดหัวใจตีบจากการหดตัวของกล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆ หลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแคบลงชั่วคราว และส่งผลให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก
-
การตีบเนื่องจากความผิดปกติของเอ็นโดทีเลียม (Endothelial Dysfunction)
เอ็นโดทีเลียมคือชั้นผนังเซลล์ภายในหลอดเลือดที่ช่วยในการควบคุมการหดตัว และการขยายตัวของหลอดเลือด ความผิดปกติของเอ็นโดทีเลียมสามารถทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบและลดการไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ
-
หลอดเลือดหัวใจตีบจากสาเหตุอื่นๆ
เช่น การอักเสบของหลอดเลือด (vasculitis) หรือโรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัวผิดปกติ (congenital coronary artery anomalies) ซึ่งอาจส่งผลให้หลอดเลือดตีบและแข็ง
ซึ่งโรคหลอดเลือดหัวใจตีบแต่ละประเภทมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป เช่น การใช้ยาบางชนิดเหมาะสำหรับการควบคุมคอเลสเตอรอลและป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ในขณะที่บางกรณีอาจต้องใช้การรักษาด้วยการผ่าตัดหรือการขยายหลอดเลือด
แนวทางในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
1.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิต
- เลิกสูบบุหรี่
- ควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ, หลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล, เพิ่มผักและผลไม้
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- จัดการกับความเครียด ปฏิบัติการคลายความเครียดเช่น โยคะ, การทำสมาธิ และเทคนิคการหายใจ
2.การรักษาด้วยยา
- ยาต้านเกล็ดเลือด
- ยาต้านการแข็งตัวของลิ่มเลือด
- ยาขยายหลอดเลือด
- ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ
- ยาลดไขมัน
- ยาควบคุมความดันโลหิต
3.การรักษาด้วยหัตถการหลอดเลือดหรือการผ่าตัด
- การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด
- การขยายหลอดเลือดหัวใจที่ตีบด้วยบอลลูน
- การผ่าตัดบายพาสเส้นเลือดหัวใจ
ทั้งนี้เราสามารถป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ด้วยการ ดูแลสุขภาพให้ดี เช่น การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม, การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์, การออกกำลังกายสม่ำเสมอ, การเลิกสูบบุหรี่ การควบคุมคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และควรที่จะต้องศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบให้มากขึ้นทั้งปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรค วิธีป้องกัน วิธีในการรักษาเพื่อให้คุณสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับโรคนี้ได้หากเข้าข่ายว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ค่ะ